เวลานี้หลายพื้นที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้ว โดยขณะที่ในสหรัฐฯ และยุโรปเหนือกำลังเผชิญพายุพัดถล่ม ที่ทวีปอเมริกาใต้หลายประเทศกลับเผชิญอากาศร้อนจัดทำสถิติในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปรากฎภาพของชาวอาร์เจนตินาจำนวนมากที่ออกมาเล่นน้ำคลายร้อนที่สวนน้ำแห่งหนึ่งในกรุงบัวโนสไอเรส เมื่อหลวงของอาร์เจนตินาเมื่อวานนี้ หลังคลื่นความร้อนปกคลุมทั่วประเทศจนทำให้ผู้พักอาศัยในพื้นที่ต้องหนีร้อนมาเล่นน้ำ ท่ามกลางอุณหภูมิพุ่งสูง 36 องศาเซลเซียส
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ป่าแอมะซอนแห้งแล้งทุบสถิติ
แนะพกร่มเที่ยวตรุษจีน! อุตุฯเตือนอากาศร้อน-มีฝนบางพื้นที่
กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของอาร์เจนตินา ออกประกาศแจ้งเตือนสภาพอากาศร้อนจัดในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และคาดการณ์ว่าในกรุงบัวโนสไอเรส และพื้นที่โดยรอบจะมีอุณหภูมิพุ่งสูงสุดถึง 38 องศาเซลเซียส ชาวอาร์เจนตินาบอกว่า ร้อนจนรู้สึกเหมือนจะละลาย แม้แต่แอร์ที่เปิดในบ้านก็ไม่ช่วยอะไร
ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้คนในทวีปอเมริกาใต้เริ่มรู้สึกได้ถึงสภาพอากาศร้อนจัด โดยระหว่างวันที่ 21 – 25 มกราคม กรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศต่างๆ ได้บันทึกอุณหภูมิที่สูงทุบสถิติ โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนกลางของชิลี และอาร์เจนตินา รวมถึงตอนกลางของโคลอมเบีย ในกรุงซานติอาโก ของชิลี เผชิญกับอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 36.7 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นอุณหภูมิที่พุ่งสูงทุบสถิติเป็นอันดับ 3 ในรอบ 112 ปี
ส่วนในโคลอมเบีย ซึ่งรัฐบาลเพิ่งประกาศเป็นพื้นที่ไฟป่า มีอุณหภูมิทั่วประเทศพุ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย อยู่ที่ 40.3 องศาเซลเซียส ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้คนต่างตื่นตระหนก เพราะแม้ว่าช่วงเดือนมกราคม มักเป็นเดือนที่ทวีปอเมริกาใต้เข้าสู่ฤดูร้อน และเป็นปกติที่จะมีวันที่มีอุณหภูมิพุ่งสูงบ้าง แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้เรียกว่าไม่ปกติ
โดยปรากฏการณ์นี้ถูกมองเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน และปรากฏการณ์เอลนีโญ หรือสภาพร้อนแล้ง ณ ปัจจุบัน ซึ่งนี่จะทำให้สภาพอากาศในพื้นที่เหล่านี้รุนแรงมากขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม เปรูซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ตั้งอยู่ในอเมริกาใต้กลับเผชิญกับน้ำท่วมฉับพลัน โดยปรากฎภาพของแม่น้ำแห่งในเมืองจูนินของเปรูที่ไหลทะลักท่วมสนามกีฬาหลังฝนตกหนักจนทำระดับน้ำล้นตลิ่ง เช่นเดียวกับบ้านเรือนและพื้นที่เพาะปลูกก็ได้รับผลกระทบด้วยอย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
นอกเหนือจากทวีปอเมริกาใต้ที่เผชิญกับสภาพอากาศรุนแรงแล้ว สหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่เหนือขึ้นไป เวลานี้กำลังเผชิญกับอิทธิพลของพายุไพน์แอปเปิล เอ็กซ์เพรส โดยส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
ปรากฎภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยให้เห็นไพน์แอปเปิล เอ็กซ์เพรส ในมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนพัดถล่มพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยพายุลูกนี้ได้พัดถล่มพื้นที่บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก และเคลื่อนตัวลงใต้ไปยังนครลอสแอนเจลิสในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี
ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาในนครลอสแอนเจลิสรายงานว่า ปริมาณน้ำฝนรายวันในช่วง 5 วันที่ผ่านมามีปริมาณสูงทุบสถิติที่เคยบันทึกไว้ ระหว่างปี 1940 ถึง 1960 ทั่วทั้งภูมิภาค
ส่วนสนามบินในนครลอสแอนเจลิส มีปริมาณน้ำฝนตกรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 2.37 นิ้ว ซึ่งทำลายสถิติเดิมในปี 1960 ซึ่งอยู่ที่ 1.55 นิ้ว ส่วนสนามบินซานตาบาร์บารามีปริมาณฝนตก 2.93 นิ้ว ซึ่งทำลายสถิติเดิมในปี 1960 ที่อยู่ที่ 2.02 นิ้ว
อิทธิพลของพายุลูกได้ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ เตือนว่า ฝนตกที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง จะทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะพื้นที่เขตเมือง นี่คือภาพในเมืองลองบีช ทางตอนใต้ของนครลอสแอนเจลิส ที่กลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดแห่งหนึ่ง โดยฝนที่ตกหนัก ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมทางด่วนที่ทอดยาว และถนนที่อยู่ติดกันใต้สะพานรถไฟ นี่จึงทำให้รถยนต์หลายคันจมอยู่ใต้น้ำ
แฟรงคลิน คาพิตูโล (Franklin Capitulo) พนักงานโรงแรมวัย 54 ปี ซึ่งกำลังขับรถกลับบ้านเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ หลังจากเขาติดอยู่ในรถ ท่ามกลางระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น
เบื้องต้นมี AccuWeather แอปพยากรณ์อากาศยอดนิยมสัญชาติอเมริกัน คาดการณ์ว่า พายุลูกนี้ได้เคลื่อนตัวลงใต้ตั้งแต่คืนวานนี้ ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าสู่แผ่นดินตะวันตกเฉียงใต้ตั้งแต่วันศุกร์ จนถึงวันเสาร์
ทั้งนี้ถือเป็นพายุลูกแรก จากทั้งหมดสองลูกที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงกว่านี้ และเตรียมพัดถล่มรัฐแคลิฟอร์เนียในอีก 2-3 วันข้างหน้า โดยอิทธิพลของพายุลูกดังกล่าวจะส่งผลทำให้ลมแรงพัดกลับมาทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย และเกิดฝนตกหนักมากขึ้นทางตอนใต้ของรัฐ
ส่วนที่ทวีปยุโรป นอร์เวย์เผชิญกับพายุอินกุนน์พัดถล่มพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ โดยอิทธิพลของพายุลูกดังกล่าว ส่งผลทำให้เกิดลมกระโชกแรงใกล้ชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศคำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง
ผลพวงจากพายุลูกอินกุนน์ ส่งผลทำให้อาคาร และโรงแรม บางส่วนในนอร์เวย์ได้รับความเสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่สั่งปิดพื้นที่บริเวณใจกลางเมืองโบโด และปิดถนนหนทาง พร้อมทั้งร้องขอให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน รวมถึงสั่งยกเลิกการให้บริการเรือข้ามฟาก ชาวนอร์เวย์รายหนึ่งบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพายุรุนแรงขนาดนี้ในชีวิต
ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของสวีเดน ไปจนถึงฟินแลนด์ เผชิญกับความเร็วลม 50-60 ไมล์ต่อชั่วโมงขึ้นไป เช่นเดียวกับเกิดคลื่นลมแรงบริเวณชายฝั่ง
“นาตาลี เกลโบว่า” เปิดใจครั้งแรก เลิกสามีเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เผยเรื่องยากที่สุดในชีวิต
ผลบอลเอเชียน คัพ 2023 เกาหลีใต้ ควง จอร์แดน เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย
ฟังความเห็น ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ มองก้าวไกล หากถูกยุบจะยิ่งเติบโต