เมื่อทั้งโลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ซึ่งกลายเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่ทำให้คนทั่วโลกตระหนักและหันมาดูแลเรื่องสุขภาพ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การหันกลับมาใส่ใจ ดูแลตัวเองของผู้คนเท่านั้น แต่เมื่อสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง ทำให้เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourism มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ
BDMS กำหนดวันจัดงานประชุมวิชาร่วมประจำปี 2567
(ประกาศรายชื่อ) BDMS JUNIOR GOLF CLINIC 2023-2024 ครั้งที่ 4
ซึ่งหากพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ก็คงมีเพียงคุณหมอแอมป์ นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort เท่านั้น
ที่จะพาเราให้เข้าใจความเป็น Wellness Tourism อย่างแท้จริง
ความน่าสนใจของ Wellness Tourism อยู่ที่ตรงไหน?
คุณหมอแอมป์ เล่าย้อนว่า ประเทศไทยทำเรื่อง Medical Tourism มานานหลายสิบปีจนกลายเป็นจุดเด่นระดับโลกไปแล้ว อธิบายง่ายๆ คือ คนต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จนนานาชาติยกให้ไทยเป็นหนึ่งในหลายๆประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่อง Medical Tourism
แต่ ณ วันนี้หัวใจสำคัญคือ Wellness หรือ การดูแลสุขภาพตั้งแต่ยังไม่ป่วย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีอายุยืนยาว อย่างมีคุณภาพ
คุณหมอแอมป์ อธิบายต่อว่า คำว่า Wellness มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับทั้งการแพทย์และการท่องเที่ยว จึงกลายเป็น Wellness Tourism ซึ่งผู้คนเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ประเทศไทย เพราะประเทศไทยตอบโจทย์ Wellness Tourism ทุกอย่างการันตีโดย Global Wellness Institute แสดงตัวเลขการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย โดยมูลค่าตลาดในปี พ.ศ.2562 คิดเป็น 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก
แม้ช่วงโควิด-19 การท่องเที่ยวจะต้องหยุดชะงักลง เพราะผู้คนไม่สามารถเดินทางได้ แต่ปี พ.ศ.2565 Wellness Tourism ของไทยมีมูลค่า 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟื้นตัวกลับขึ้นมา 35.7% จากช่วงโควิด-19 ซึ่งเป็นการเติบโตที่น่าจับตามอง
เรื่อง Wellness Tourism มีความน่าสนใจมาตั้งแต่ก่อน โควิด-19 และหลังโควิด-19 ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นอีก เพราะคนเห็นความสำคัญเรื่องการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีบทเรียนมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการป้องกันตัวเองจากโรคอื่นๆ เช่น กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) โดยเฉพาะโรคอ้วน เป็นต้น
คุณหมอแอมป์ จึงพยายามรณรงค์ว่า อยากให้ทุกคนตั้งมั่นว่าเราจะอายุยืนยาวแบบสุขภาพดี จึงเป็นหลักการสำคัญว่าทำไม Wellness เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก เพราะ อายุยืนยาวอย่างเดียวไม่สำคัญเท่า อายุยืนยาวอย่างสุขภาพดี ไม่เพียงแต่ Lifespan เท่านั้น แต่ Health span และ Happiness Score ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะสุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง คุณหมอแอมป์กล่าว
คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
แล้วถ้า Zoom In ลงไปอีกว่า Wellness Tourism จะเป็นไปในรูปแบบใดแตกต่างจากการท่องเที่ยวทั่วไปอย่างไร
คุณหมอแอมป์ อธิบายว่า Wellness Tourism ที่แท้จริงจะต้องเริ่มตั้งแต่การวางแผนการเดินทาง เลือกโรงแรมที่พักที่เข้าใจเรื่อง Wellness เช่น มีบรรยากาศดีให้ได้พักผ่อนจากความวุ่นวาย มีอาหารทางเลือกสุขภาพ มีสปา ฟิตเนสและบริการเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร รวมถึงมีเตียงดี หมอนดี ผ้าม่านต้องมืดสนิท เสียงต้องไม่แทรกเข้ามาเพื่อให้นอนหลับดี ทั้งหมดรวมเรียกว่า Wellness Real estate หนึ่งใน Section ธุรกิจสุขภาพที่เติบโตสูงสุด ตามการประเมินของ Global Wellness Institute
หรือการยกระดับโรงแรมขึ้นไปอีกขั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสุขภาพได้เลยทันที เช่น บริการตรวจเลือด เวชศาสตร์เชิงป้องกัน ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ตรวจเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย การสแกน MRI การตรวจดิจิทัลแมมโมแกรม (Digital Mammogram) เป็นต้น
พร้อมดูแลให้มีพฤติกรรมสุขภาพดี ด้วย Lifestyle Medicine (เวชศาสตร์วิถีชีวิต) อีกทั้งประเทศไทยมีทรัพยากรทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่รองรับการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ธุรกิจต่างๆ สามารถต่อยอดเป็น Wellness Tourism ไปยังผู้ประกอบการต่างๆ เช่น ร้านอาหารเชิงสุขภาพ ร้านนวดเพื่อสุขภาพ สปาที่มีการบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น บ่อน้ำพุร้อนเพื่อสุขภาพ ในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
เมื่อมาถึงตรงใจกลางกรุงเทพมหานคร บนถนนวิทยุ Mövenpick BDMS Wellness Resort Bangkok เป็นโครงการนำร่องเรื่อง Wellness Tourism ซึ่งไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่นักเดินทางกลุ่ม MICE ก็กำลังจะเป็นเป้าหมายสำคัญของตลาด Wellness Tourism เช่นกัน
Mövenpick BDMS Wellness Resort Bangkok แตกต่างจากโรงแรมทั่วไปอย่างไร
อันดับแรก คือ มีเป้าหมายเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันประเทศไทยให้เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกด้วยการผนึกกำลังกับ BDMS Wellness Clinic ผสานระหว่างการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการพักผ่อนให้ลงตัว ตอบโจทย์ไลฟ์ไตล์ที่หลากหลาย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โปรแกรมเพื่อสุขภาพ เช่น เครื่องบำบัดแบบลอยตัว สปาทรีทเมนท์เฉพาะบุคคล การให้คำปรึกษาเรื่องโภชนาการ ไปจนถึงการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ ทั้งป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพให้กับนักเดินทางได้อย่างครบถ้วน
แต่อย่างที่กล่าวไปนอกเหนือจากนักเดินทางทั่วไปแล้ว คุณหมอแอมป์ มองไปถึง นักเดินทางกลุ่ม MICE หรือ ธุรกิจการจัดประชุมขององค์กร (Meeting) การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) การจัดประชุมวิชาการนานาชาติ (Conventions) และการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ (Exhibitions) ซึ่งมีการเติบโตที่สูงมาก เป็นกลุ่มที่มีเป้าหมายชัดเจน
BDMS Wellness Campus โดย Mövenpick BDMS Wellness Resort Bangkok และ BDMS Wellness Clinic จึงเข้ามาเติมเต็มนักเดินทางกลุ่ม MICE ให้ได้รับประสบการณ์ที่ครบทุกวงจร ทั้งการดูแลสุขภาพองค์รวมได้ทันทีหลังการประชุม ไม่ต้องปลีกตัวหรือเดินทางไปยังสถานที่ห่างไกล
สำหรับ BDMS Wellness Campus ประกอบด้วย 3 ตึกหลักๆ คือ
BDMS Wellness Clinic ศูนย์บริการดูแลสุขภาพที่มุ่งเน้นการดูแลป้องกัน และเสริมสร้างสุขภาพให้ผู้มารับบริการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การตรวจรหัสพันธุกรรม การตรวจความยาวเทโลเมียร์ การดูแลเรื่องการควบคุมน้ำหนักครบวงจร (weight management) การตรวจระดับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระในเลือด รวมถึงบริการด้านทันตกรรม การรักษาภาวะมีบุตรยาก และการดูแลผิวพรรณและความงาม
ต่อมาส่วนของโรงแรม Mövenpick BDMS Wellness Resort Bangkok มีห้องพักจำนวน 211 ห้อง ให้บริการดูแลสุขภาพไปพร้อมกับการพักผ่อน ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก มีสถานที่ออกกำลังกาย สปา และบริการอาหารสุขภาพ (Healthy diet) ฯลฯ
และส่วนที่ 3 ส่วนที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับกลุ่ม MICE เรียกว่า BDMS Connect Center เป็นหอประชุมใหญ่ขนาด 4 ชั้น จำนวน 14 ห้อง มีขนาดที่หลากหลาย ตั้งแต่เล็กที่สุด ประมาณ 36 คน จนไปถึงห้องใหญ่ที่สุด จุได้ 500 คน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้บริการ สร้างด้วยคอนเซปต์ใหม่ Sustainable Building หรือตึกเพื่อความยั่งยืนที่ใช้วัสดุรีไซเคิลจากขยะพลาสติก และอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เพื่อลดการปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon footprint)
โดยศูนย์การประชุมแห่งนี้ได้รับการรับรองจาก LEED-certified ในฐานะอาคารอนุรักษ์พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมาตรฐานจาก Fitwel ในฐานะอาคารเพื่อสุขภาวะที่ดีสำหรับผู้ใช้อาคารในระดับสากล
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าแล้วบทสรุป สุขภาพ-โรงแรม-ธุรกิจ (MICE) จะเดินควบคู่กันไปได้อย่างไร
การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน ผู้ประกอบการธุรกิจ นักวิชาการ ประชาชน เจ้าของพื้นที่ หรือคนในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ต่างต้องร่วมกันคนละไม้คนละมือ ผลักดันให้ประเทศชาติเรา เป็นที่น่าดึงดูด ให้คนทั้งโลกมาเที่ยวและได้รับสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจกลับไป (Wellness destination of the world)
"9 ของไหว้ตรุษจีน" เช็กอาหารคาว-หวาน-ผลไม้มีอะไรบ้าง พร้อมความหมาย
เช็กสถิติหวยออกย้อนหลัง 15 ปี งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์
ประกาศฉบับที่ 1 เตือนอากาศแปรปรวน ฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง